https://analytics.google.com/analytics/web/?authuser=2#/a29744284p281425186/admin/streams/table/2727640087

Intimex ศูนย์ เครื่องช่วยฟัง หูหนวก หูตึง

ให้บริการทุกวัน เวลาทำการ : จันทร์ – ศุกร์ เวลา 8:30 – 16:30 | เสาร์ – อาทิตย์ เวลา 8:00 – 16:30

ติดต่อ line เครื่องช่วยฟัง intimexhearing

7 สาเหตุ ที่ทำให้เกิดอาการ เสียงในหู


มีหลายสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการหูอื้อและมีอาการ เสียงในหู

บางสาเหตุอาจทำให้หูอื้อชั่วคราวแต่หลายสาเหตุก็อาจทำให้มีการสูญเสียการได้ยินอย่างถาวร

1. ขี้หูอุดตัน

 ขี้หูมีหน้าที่ป้องกันแบคทีเรียและเชื้อราไม่ให้เติบโตอยู่ภายในช่องหู ขี้หูให้ความชุ่มชื้น ป้องกันผิวหนังภายในช่องหูไม่ให้แห้งจนเกินไป ขี้หูดักเก็บฝุ่นละออง สิ่งสกปรก สิ่งแปลกปลอมจากภายนอกไว้ให้เรา ก่อนที่สิ่งเหล่านั้นจะเข้าไปกองสะสมอยู่ลึกในช่องหู และทำอันตรายภายในช่องหูของเรา ขี้หูยังซึมซับเก็บเซลล์ผิวหนังภายในช่องหูที่ตายแล้วให้เราด้วย ระบบกลไกตามธรรมชาติของช่องหูจะค่อยๆ ดันขี้หูออกมาด้านนอกโดยอัตโนมัติ  ขี้หูจะค่อยๆ ถูกผลักเคลื่อนจากส่วนด้านในช่องหูออกมายังส่วนด้านนอกใกล้ทางออกของช่องหู การเคี้ยวและการเคลื่อนไหวขากรรไกรจะช่วยให้เกิดกระบวนการของการทำความสะอาดตามธรรมชาตินี้ เมื่อขี้หูถูกผลักมาถึงบริเวณช่องหูด้านนอก มันก็จะแห้งและเป็นผงและหลุดออกมาได้เอง ทุกครั้งที่ล้างหน้าก็เป็นการทำความสะอาดขี้หูเหล่านี้ออกไปด้วย

แต่บางครั้งกระบวนการของการทำความสะอาดตามธรรมชาตินี้ผิดปกติ ทำให้ขี้หูเกิดสะสมในช่องหูเป็นจำนวนมาก

 

ผู้ที่มีขี้หูอุดตัน จะมีอาการดังนี้

  1. ระคายเคืองช่องหู
  2. การได้ยินลดลง
  3. คันในช่องหู
  4. ได้ยินเสียงในหู
  5. ปวดหู
  6. เวียนศีรษะ
  7. หูอื้อ
  8. อาการไอ (ในบางคน)

สาเหตุของขี้หูอุดตัน

ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการสะสมของขี้หู มีดังนี้

  1. ผู้ที่มีประวัติการสะสมของขี้หู
  2. เด็ก
  3. ผู้สูงอายุ
  4. ผู้ที่มีความบกพร่องของสมรรถนะทางสมอง
  5. ผู้ที่ใส่เครื่องช่วยฟังและอุปกรณ์อุดหู การใส่เครื่องช่วยฟังหรืออุปกรณ์อุดหูจะรบกวนกระบวนการของการทำความสะอาดตามธรรมชาติ กำจัดขี้หูตามธรรมชาติ และกระตุ้นการผลิตขี้หูให้มากขึ้นกว่าปกติ

การรักษา

ช่องหูทำความสะอาดตัวเอง ดังนั้นไม่มีความจำเป็นที่ต้องพยายามเอาขี้หูออก เพื่อป้องกันไม่ให้ขี้หูสะสม คำแนะนำมีดังนี้

  1. ใช้ยาหยอดละลายขี้หูที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน
  2. พบแพทย์เพื่อใช้เครื่องมือ และอุปกรณ์ที่เหมาะสมนำขี้หูออกอย่างปลอดภัย

2. ท่อยูสเตเชียนทำงานผิดปกติ

 ท่อยูสเตเชียน เป็นท่อเล็กๆที่เชื่อมระหว่างหูชั้นกลาง และคอ

หน้าที่ของท่อยูสเตเชียน มีดังนี้

  1. ป้องกันหูชั้นกลางจากการติดเชื้อ
  2. ระบายอากาศและปรับความดันภายในหูชั้นกลาง
  3. ระบายของเหลวที่ขับออกจากหูชั้นกลาง

อาการ

  1. ได้ยินเสียงอู้
  2. ปวดหู
  3. ได้ยินเสียงในหู
  4. ได้ยินเสียงน้อยลง
  5. มีปัญหาการทรงตัว

สาเหตุ
ยังไม่พบสาเหตุที่แท้จริงของการที่ท่อยูสเเชียนผิดปกติ

  • บางครั้งพบว่าปฏิกิริยาของอาการภูมิแพ้สามารถทำให้ส่งผลต่อผิวของท่อยูสเตเชียนให้บวมได้
  • ผู้ที่มีผนังกั้นช่องจมูกคด (Nasal septum deviation)
  • กล้ามเนื้อที่ควบคุมการเปิดปิดของท่อยูสเตเชียนอาจทำงานบกพร่อง ทำให้การควบคุมการปิดและเปิดท่อ ยูสเตเชี่ยนผิดปกติ
  • ผู้ที่ได้รับการกระทบกระเทือนที่ศีรษะ อาจพบความผิดปกติของท่อยูสเตเชียนร่วมด้วยได้

การรักษา

  • อาการของท่อยูสเตเชียนผิดปกตินั้น ไม่ได้เป็นอาการที่รุนแรง และสามารถรักษาให้หายได้ภายใน 2-3 วัน
  • การกลืน การหาว และการเคี้ยว สามารถช่วยปรับความดันอากาศภายนอกและภายในหูชั้นกลางให้เท่ากัน
  • ผู้ที่มีอาการท่อยูสเตเชียนผิดปกติอย่างต่อเนื่อง หรืออยู่ในระดับรุนแรง ขอให้พบแพทย์

อ่านต่อ 

3. ไซนัสอักเสบ

ไซนัส (Sinuses) หมายถึง โพรงอากาศที่อยู่รอบๆ โพรงจมูกเราทั้งซ้ายและขวา โดยปกติคนเรามีโพรงไซนัสทั้งหมด 4 แห่ง คือ บริเวณระหว่างตาทั้งสองข้าง บริเวณแก้ม บริเวณหน้าผาก และบริเวณในสุดของรูจมูกและที่ใต้ฐานกะโหลก โพรงอากาศนี้เป็นที่โล่งๆ ในกะโหลกศีรษะ แต่ละโพรงอากาศจะมีรูระบายอากาศตามธรรมชาติโพรงละ 1 รู ซึ่งจะระบายเข้าสู่โพรงจมูก และเมื่อเยื่อบุโพรงไซนัสมีการอักเสบ เราจึงเรียกว่า “ไซนัสอักเสบ”

ไซนัสอักเสบ หมายถึง การอักเสบของเยื่อบุโพรงอากาศข้างจมูก มักเกิดขึ้นเมื่อจมูกมีการติดเชื้อ อักเสบ เป็นหวัด ภูมิแพ้ การคั่งค้างอุดตันของสิ่งคัดหลั่งในผู้ที่มีภาวะสันจมูกคด ทําให้การระบายอากาศในโพรงอากาศลําบากมากขึ้น การมีก้อนเนื้องอกในจมูกก็เป็นอีกสาเหตุที่ทําให้เกิดการติดเชื้อในโพรงไซนัส ปัจจุบันเรียกว่า “โรคเยื่อบุจมูกและไซนัสอักเสบ (Rhinosinusitis)”

 

อาการ

  • ความสามารถในการรับกลิ่นลดลง
  • มีอาการปวดบริเวณใบหน้า
  • อาการเสมหะไหลลงคอ
  • มีไข้
  • ปวดฟัน โดยเฉพาะฟันบน

สาเหตุ

  • ภูมิแพ้
  • การอักเสบที่ไม่ได้เกิดจากภูมิแพ้ของระบบทางเดินหายใจส่วนบน
  • ความผิดปกติของอวัยวะ
  • การสูบบุหรี
  • การว่ายน้ำ ดำน้ำ การปีนเขาสูง

การรักษา

     ส่วนใหญ่ของการติดเชื้อบริเวณไซนัสไม่จำเป็นต้องทานยาปฏิชีวนะ โดยอาการจะค่อยๆหายเอง* อย่างไรก็ตามบางคนที่พบว่ามีอาการรุนแรง เรื้อรัง จำเป็นต้องพบแพทย์

อ่านต่อ 

4. หูอื้อจากความกดอากาศ

ร่างกายคนเรามีท่อยูสเตเชี่ยน ซึ่งเป็นท่อที่ช่วยปรับความดันของหูชั้นกลาง ให้เท่ากับบรรยากาศภายนอก เมื่อใดที่ท่อนี้ทํางานผิดปกติไป จะทําให้เกิดอาการหูอื้อ,ปวดหู, มีเสียงดังในหู หรอเวียน ศีรษะ บ้านหมนได้ ตัวอย่างในชีวิตประจำวันที่เราพบได้บ่อยคือ เวลาขึ้นหรือลงลิฟต์เร็วๆ หรือเครื่องบินขึ้นหรือลงเร็วๆ จะมีอาหารหูอื้อ ปวดหู

อาการของหูอื้ออาจเกิดได้ข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง ความรุนแรงของอาการปวดหูที่เกิดจากความกดอากาศมากน้อยต่างกันในแต่ละคน

  1. หูอื้อ
  2. ได้ยินเสียงในหู
  3. เวียนศีรษะบ้านหมุน
  4. มีเลือดออกจากหูชั้นกลาง

สาเหตุ
 เกิดจากความกดอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วระหว่างอากาศภายนอก และอากาศภายในหูชั้นกลาง ทำให้แก้วหูถูกแรงดันอากาศผลักให้นูนออกมา หรือถูกกดลงไป ซึ่งทำให้มีอาการเจ็บปวดมาก

การรักษา

  • การหาว การเคี้ยวหมากฝรั่ง หรือกลืนน้ำ ช่วยระบายความดันในหูชั้นกลางได้
  • หลีกเลี่ยงการนอนหลับระหว่างเครื่องบินขึ้นและลง
  • หลีกเลี่ยงการเดินทางโดยเครื่องบินระหว่างที่มีอาการหวัด ไซนัสอักเสบ คัดจมูก หรือกำลังมีอาการติดเชื้อภายในช่องหู หรือเพิ่งผ่าตัดช่องหู

อ่านต่อ

 
โรคเนื้องอกประสาทหูร้ายแรง

5. การติดเชื้อในช่องหู

โรคติดเชื้อ (Infectious disease) คือโรคที่เกิดจากสิ่งมีชีวิต ซึ่งโดยมากมีขนาดเล็กมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าจึงเรียกว่า Microorganism หรือจุลชพี โดยสิ่งมีชีวิตที่ก่อโรคเหล่านี้เรียกว่าเชื้อก่อโรค (Pathogen) หรือ Infectious agent ได้แก่ ไวรัส (Viruses) รา (Fungi) โปรโตซัว (Protozoa) แบคทีเรีย (Bacteria) และอาจรวมถึงพริออน (Prion) ซึ่งเป็นสารในกลุ่มโปรตีนด้วย

การติดเชื้อบริเวณหูนั้นสามารถพบได้ในเวชปฏิบัติทั่วไปและเนื่องจากผู้ป่วยที่มาพบแพทย์
เรื่องการติดเชื้อในหูสามารถพบได้ทุกเพศทุกวัย ดังนั้นการได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้องมี ความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะไม่ทำให้โรคลุกลามและเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมา

อาการ

  1. ปวดหู
  2. ระคายเคืองภายในช่องหู
  3. ปวดหัว
  4. เบื่ออาหาร
  5. อาเจียร
  6. ท้องเสีย
  7. มีไข้ต่ำ

สาเหตุ

    เชื้อโรค เช่น ไวรัส แบคทีเรีย หรือทั้งสองชนิดรวมกัน เป็นสาเหตุให้เกิดการติดเชื้อภายในช่องหู บางครั้งการติดเชื้อเกิดจากสารก่อภูมิแพ้ หรือสภาพแวดล้อม แต่บางครั้งมีความเชื่อมโยงสัมพันธ์กับปัจจัยเหล่านี้ เช่น

  • กรรมพันธุ์
  • ความผิดปกติของอวัยวะ
  • การขาดวิตามินเอ
  • การสูบบุหรี่

การรักษา   

การรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ ยาต้านอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ หรือยาพาราเซตามอล

 

6. โรคนำ้ในหูไม่เท่ากัน

อาการเวียนศีรษะ บ้านหมุน เป็นอาการที่พบบ่อย แต่อาการดังกล่าวไม่ได้เกิดจากโรคน้ำในหูไม่เท่ากันเท่านั้น อาการเวียนศีรษะ บ้านหมุน อาจเกิดจากหลายสาเหตุ

โรคน้ำในหูไมเท่ากัน หรือโรคมีเนีย (Meniere’s disease) เป็นโรคที่มีความผิดปกติของหูชั้นใน โดยมีน้ำในหูชั้นในมากผิดปกติหูชั้นในของคนเรามีเซลล์ประสาทที่ทําหน้าที่เกี่ยวกับการทรงตัวและการได้ยินอยู่ โดยปกติจะมีน้ำในหูชั้นใน ปริมาณที่พอดีกับการทํางานของเซลล์ประสาทที่ทําหนาที่ ควบคุมการทรงตัว และการได้ยินดังกล่าวและมีการไหลเวียนถ่ายเทเป็นปกติ เมื่อมีการเคลื่อนไหวของน้ำในหู ขณะเคลื่อนไหวศีรษะจะกระตุ้นเซลล์ประสาทดังกล่าวให้มีการส่งสัญญาณไปยังสมองเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของร่างกาย เมื่อใดก็ตามมความผิดปกติของการไหลเวียนของน้ำในหู เช่น การดูดซึมของน้ำในหูไม่ดี ทําให้น้ำในหูชั้นในมีปริมาณมากปกติ (endolymphatic hydrops)จะส่งผลต่อการทํางานของเซลล์ประสาททควบคุมการทรงตัว และการได้ยิน ทําใหเซลล์ ดังกล่าวทำงานผิดปกติ

อาการ

  1. มีอาการเวียนศีรษะ บ้านหมุน 2 ครั้งหรือมากกว่า แต่ละครั้งนาน 20 นาที ถึง 12 ชั่วโมง
  2. มีการสูญเสียการได้ยินระดับน้อยถึงปานกลาง ระหว่างหรือหลังจากมีอาการข้อ 1
  3. หูอื้อ
  4. มีเสียงในหู

สาเหตุ

  1. อาจมีสาเหตุจากพันธุกรรม
  2. มีของเหลวสะสมในระบบการทรงตัวของหูชั้นใน ของเหลวนี้เป็นสาเหตุทำให้เกิดการเวียนศรีษะบ้านหมุนและการสูญเสียการได้ยิน

การรักษา

ไม่มียาหรือวิธีรักษาโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน ทางเลือกในการช่วยบรรเทาอาการ มีดังนี้

  1. เปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ชีวิตรวมถึงควบคุมชนิดของอาหารที่รับประทาน
  2. ทานยาแก้เมารถ เมาเรือ เมาเครื่องบิน
  3. การผ่าตัด
โรคเนื้องอกประสาทหูร้ายแรง

7.โรคเนื้องอกประสาทหู

เนื้องอกเส้นประสาทหู (Vestibular schwannoma) เป็นเนื้องอกสมองอีกชนิดหนึ่งที่เมื่อเกิดขึ้นแล้วมีผลกระทบต่อร่างกายเป็นอย่างมาก
เนื่องจากกอ้นเนื้องอกจะไปกดเบียดสมองและประสาทข้างเคียง อาจมีอาการเดินเซ การทรงตัวแย่ลง ปวดศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน จากภาวะความดัน
ในช่องกะโหลกศีรษะสูง หน้าชาหรือหน้าเบี้ยว ทำให้สูญเสียภาพลักษณ์ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีจะทำใหผู้ป่วยทุพพลภาพหรือถึงขั้นเสียชีวิตได้
โดยเนื้องอกเส้นประสาทหูเป็นเน้ืองอกที่เกิดจาก Schwann cell ของปลอกประสาท (nerve sheath) ที่หุ้มเส้นประสาทการทรงตัว (vestibular nerve)

อาการ

  1. สูญเสียการได้ยินในหูข้างที่มีเนื้องอก
  2. มีเสียงในหู
  3. เวียนศีรษะ และมีปัญหารการทรงตัว
  4.  มีอาการชา หรือเป็นอัมพาตบริเวณใบหน้า

สาเหตุ

มีงานวิจัยระบุว่าเนื้องอกประสาทหูเกิดจากการผลิตเซลล์ชวานน์ (Schwann cell) มากเกินไป** ตามปกติเนื้องอกประสาทหูจะเกิดในหูข้างใดข้างหนึ่ง แต่ในกลุ่มอาการที่มีความผิดปกติทางพันธุกรรม (Neurofibromatosis type 2) มีโอกาสที่จะเกิดสองข้างพร้อมกันได้

นักวิจัยยังพบอีกว่าเนื้องอกประสาทหูทั้งที่เกิดข้างเดียว หรือทั้งสองข้าง เกิดจาก การสูญเสียการทำหน้าที่ของยีนส์โครโมโซม 22 ยีนส์ตัวนี้ควบคุมการเติบโตของเนื้องอก

การรักษา   

มีงานวิจัยระบุว่าเนื้องอกประสาทหูเกิดจากการผลิตเซลล์ชวานน์ (Schwann cell) มากเกินไป** ตามปกติเนื้องอกประสาทหูจะเกิดในหูข้างใดข้างหนึ่ง แต่ในกลุ่มอาการที่มีความผิดปกติทางพันธุกรรม (Neurofibromatosis type 2) มีโอกาสที่จะเกิดสองข้างพร้อมกันได้

นักวิจัยยังพบอีกว่าเนื้องอกประสาทหูทั้งที่เกิดข้างเดียว หรือทั้งสองข้าง เกิดจาก การสูญเสียการทำหน้าที่ของยีนส์โครโมโซม 22 ยีนส์ตัวนี้ควบคุมการเติบโตของเนื้องอก

 

เว็บไซต์ที่อ้างอิงข้อมูล

*The Centers for Disease Control and Prevention (CDC)
** https://www.nidcd.nih.gov/health/vestibular-schwannoma-acoustic-neuroma-and-neurofibromatosis
*** https://www.nidcd.nih.gov/health/vestibular-schwannoma-acoustic-neuroma-and-neurofibromatosis#ref4
**** https://medlineplus.gov/acousticneuroma.html

ศูนย์บริการ เครื่องช่วยฟัง อินทิเม็กซ์ ด้านหน้า มีที่จอดรถ

คุณภาพของการได้ยินดี คือคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น หากคุณมีปัญหาการได้ยิน และต้องการปรับปรุงคุณภาพการได้ยินของคุณ พบผู้เชี่ยวชาญด้านการได้ยินและเครื่องช่วยฟัง
(Hearing Coach)

ลงทะเบียน

Check Icon

ติดต่อ ผ่านระบบ Social และ โทรศัพท์

บทความที่แนะนำ