Intimex ศูนย์ เครื่องช่วยฟัง หูหนวก หูตึง
ขณะนี้คุณอยู่หน้า หน้าแรก » เครื่องช่วยฟังอาจช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคพาร์กินสัน
ผู้ป่วยโรคพาร์กินสันจำนวนมากมีอาการต่างๆ มากมาย การสูญเสียการได้ยินเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยแต่ถูกมองข้ามบ่อยครั้ง การตระหนักรู้ที่เพิ่มขึ้น สามารถนำไปสู่การตรวจพบแต่เนิ่นๆในระยะเริ่มต้น ซึ่งจะช่วยปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย การทำความเข้าใจถึงความเชื่อมโยงที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการสูญเสียการได้ยินและโรคพาร์กินสันไม่เพียงแต่เน้นย้ำถึงความสำคัญของการวินิจฉัยในระยะแรกเริ่มเท่านั้น แต่ยังเน้นย้ำถึงความจำเป็นของการบูรณาการการตรวจการได้ยินอย่างสม่ำเสมอร่วมกับการประเมินระบบประสาท อาจนำไปสู่การตรวจพบโรคพาร์กินสันได้เร็วขึ้น การวินิจฉัยในระยะเริ่มต้นช่วยให้สามารถให้ความช่วยเหลือได้ทันท่วงที ซึ่งสามารถส่งผลต่อผลลัพธ์ที่ผู้ป่วยจะได้รับอย่างมาก นอกจากนี้การใช้เครื่องช่วยฟังคุณภาพสูงสามารถปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้ที่มีความเสี่ยงได้ การดูแลการได้ยินจึงไม่ใช่เพียงการแก้ไขปัญหาทางการได้ยินเท่านั้น แต่ยังอาจเป็นองค์ประกอบสำคัญในกลยุทธ์เพื่อต่อสู้กับภาวะเสื่อมของระบบประสาท เช่น โรคพาร์กินสันได้อีกด้วย
การทำความเข้าใจถึงความเชื่อมโยงระหว่างการสูญเสียการได้ยินและโรคพาร์กินสันมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการวินิจฉัยในระยะเริ่มต้นและการจัดการภาวะเหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพ จากงานวิจัยข้างต้นชี้ให้เห็นว่าการสูญเสียการได้ยินที่ไม่ได้รับการรักษา อาจทำให้อาการของโรคพาร์กินสันรุนแรงขึ้น ส่งผลให้การสื่อสารและการใช้ชีวิตประจำวันของผู้ป่วยมีความซับซ้อนมากขึ้น สิ่งนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญว่าการสูญเสียการได้ยิน ไม่ใช่ปัญหาที่แยกออกจากโรคพาร์กินสัน แต่ควรบูรณาการตรวจการได้ยินให้เป็นส่วนหนึ่งของการดูแลตามปกติของผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน การรักษาที่เหมาะสม รวมถึงการใช้เครื่องช่วยฟัง จะสามารถปรับปรุงคุณภาพชีวิตผู้ป่วยให้สื่อสารและมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีขึ้น มีส่วนร่วมทางสังคมที่ดีขึ้น และอาจชะลอการเสื่อมถอยทางปัญญาที่เกี่ยวข้องกับโรคพาร์กินสันได้ ดังนั้นการตรวจการได้ยินให้กับผู้สูงอายุที่เป็นโรคพาร์กินสัน ควรถือเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางองค์รวมในการดูแลผู้ป่วย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและส่งเสริมความเป็นอยู่โดยรวมที่ดี
การตรวจพบการสูญเสียการได้ยินในระยะเริ่มแรกในผู้ป่วยโรคพาร์กินสันสามารถช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยได้อย่างมาก สัญญาณเริ่มต้นทั่วไปของภาวะสูญเสียการได้ยินในผู้ป่วยพาร์กินสัน ได้แก่ การขอให้ผู้อื่นพูดซ้ำบ่อยๆ ไม่สามารถติดตามการสนทนาในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดัง หรืออาจได้ยินเสียงในหู สัญญาณอีกอย่างหนึ่งอาจเป็นการปลีกตัวจากสังคม ลังเลที่จะมีส่วนในการสนทนาเป็นกลุ่มเนื่องจากมีปัญหาในการทำความเข้าใจคำพูด ซึ่งอาจส่งผลกระทบทำให้ผู้ป่วยแยกตัวออกจากครอบครัวโดยไม่ได้ตั้งใจ การใส่เครื่องช่วยฟังร่วมกับการฝึกทักษะการฟังช่วยลดผลกระทบของการสูญเสียการได้ยินต่อความเป็นอยู่ทางปัญญาและอารมณ์ของผู้ป่วยได้
งานวิจัยพบว่าการจัดการกับความก้าวหน้าของโรคพาร์กินสันอาจส่งผลดีต่อสุขภาพการได้ยิน ลักษณะของโรคพาร์กินสันที่เสื่อมลงหมายความว่าการรักษาที่ชะลอความก้าวหน้าของโรค อาจส่งผลดีต่อเส้นทางประสาทที่เกี่ยวข้องกับการได้ยินได้เช่นกัน การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินชีวิต เช่น การออกกำลังกายและการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ อาจช่วยระบบประสาทโดยรวมทางอ้อม
ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา วงการแพทย์ได้ค้นพบความเชื่อมโยงที่น่าสนใจระหว่างการสูญเสียการได้ยินและโรคพาร์กินสัน งานวิจัยศึกษาข้อมูลย้อนหลัง 23 ปี โดย Oregon Health & Science University (OHSU) ร่วมกับ VA Portland Health Care System และเผยแพร่ใน JAMA Neurology เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2024 ได้วิเคราะห์ข้อมูลจากทหารผ่านศึกชาวอเมริกันเกือบ 7.3 ล้านคน ที่ได้รับการตรวจการได้ยินระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2542 ถึง 30 ธันวาคม 2565 คือช่วง 23 ปีที่ผ่านมา โดยตรวจสอบความเชื่อมโยงที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการสูญเสียการได้ยินและโรคพาร์กินสัน การศึกษาวิจัยพบว่า ผู้ที่มีปัญหาการได้ยินมีความเสี่ยงสูงขึ้นในการพัฒนาเป็นโรคพาร์กินสันในภายหลัง โดยระดับความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นตามสัดส่วนของความรุนแรงของความบกพร่องทางการได้ยิน การสูญเสียการได้ยินอาจเป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้าของโรคพาร์กินสันได้ถึง 5-10 ปี นอกจากนี้การใส่เครื่องช่วยฟังภายใน 2 ปีหลังจากตรวจพบการสูญเสียการได้ยิน พบว่ามีความเสี่ยงในการเป็นโรคพาร์กินสันลดลง ผลการวิจัยนี้เน้นย้ำถึงการตรวจการได้ยินตั้งแต่เนิ่นๆ และดูแลการได้ยินด้วยการใส่เครื่องช่วยฟังอาจช่วยลดความเสี่ยงนี้ได้
การค้นพบนี้สอดคล้องกับแนวคิดที่ว่าการสูญเสียการได้ยินอาจเป็นหนึ่งในอาการที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหว (non-motor symptoms) ของโรคพาร์กินสัน ซึ่งอาจปรากฏก่อนอาการทางการเคลื่อนไหวหลายปี ดังนั้น การตรวจสอบและรักษาการสูญเสียการได้ยินตั้งแต่เนิ่นๆ อาจมีบทบาทสำคัญในการป้องกันหรือชะลอการเกิดโรคพาร์กินสัน
การเลือกและใส่เครื่องช่วยฟังสำหรับผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน จำเป็นต้องพิจารณาถึงความท้าทายเฉพาะตัวที่ผู้ป่วยเผชิญ และคุณลักษณะเฉพาะที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยได้ สิ่งสำคัญอันดับแรกคือการเลือกเครื่องช่วยฟังที่มีระบบควบคุมที่ใช้งานง่าย เนื่องจากอาการทางระบบการเคลื่อนไหวที่เกี่ยวข้องกับโรคพาร์กินสัน การเลือกใช้เครื่องช่วยฟังคุณภาพที่มีการปรับระดับเสียงอัตโนมัติ หรือการเชื่อมต่อบลูทูธที่ผู้ป่วยสามารถควบคุมผ่านสมาร์ทโฟนได้ นอกจากนี้การนัดติดตามผลกับผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องช่วยฟังเป็นประจำ จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าเครื่องช่วยฟังทำงานได้อย่างเหมาะสมที่สุด และสามารถปรับการตั้งค่าที่จำเป็นได้อย่างรวดเร็ว การเลือกผู้ให้บริการด้านเครื่องช่วยฟังที่มีประสบการณ์และเชื่อถือได้ มีความจำเป็นเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับประโยชน์สูงสุดจากเครื่องช่วยฟัง ส่งผลให้การสื่อสาร การมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม และความเป็นอยู่โดยรวมดีขึ้น
แม้ว่ากลไกที่เชื่อมโยงการสูญเสียการได้ยินกับโรคพาร์กินสันยังคงอยู่ระหว่างการศึกษาวิจัย แต่มีทฤษฎีต่างๆ ชี้ให้เห็นว่าการใส่เครื่องช่วยฟังตั้งแต่เนิ่นๆ อาจมีบทบาทสำคัญในการลดความเสี่ยง นักวิจัยเชื่อว่าการสูญเสียการได้ยินอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างหรือการทำงานของสมอง ซึ่งอาจเพิ่มโอกาสในการเกิดภาวะเสื่อมของระบบประสาท การใช้เครื่องช่วยฟังช่วยให้ผู้ป่วยมีความสามารถในการรับรู้ได้ดีขึ้น ซึ่งอาจช่วยรักษาเส้นทางประสาทและป้องกันการเสื่อมถอยได้ นอกจากนี้เครื่องช่วยฟังยังช่วยเพิ่มปฏิสัมพันธ์ทางสังคมและการสื่อสาร ลดความรู้สึกโดดเดี่ยวและซึมเศร้า ซึ่งมักเชื่อมโยงกับการเสื่อมถอยของความสามารถในการรับรู้ ปัจจัยเหล่านี้รวมกันเน้นย้ำถึงความสำคัญของการจัดการกับการสูญเสียการได้ยินอย่างจริงจัง และอาจให้ผลป้องกันโรคพาร์กินสันได้ การศึกษาวิจัยอย่างต่อเนื่องและความก้าวหน้าในเทคโนโลยีการได้ยิน ทำให้การตรวจการได้ยินอย่างสม่ำเสมอ และการใช้เครื่องช่วยฟังหากพบว่ามีความบกพร่องทางการได้ยินอย่างทันท่วงที อาจเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญสำหรับการรักษาสุขภาพการได้ยิน
การใช้กลยุทธ์เพื่อปรับปรุงการสื่อสารและบรรเทาผลกระทบนี้ เช่น การสร้างสภาพแวดล้อมการฟังที่เหมาะสม ลดเสียงรบกวนพื้นหลัง และให้แน่ใจว่ามีแสงสว่างเพียงพอเพื่ออำนวยความสะดวกในการอ่านปาก การส่งเสริมการสื่อสารแบบเห็นหน้ากัน พูดอย่างชัดเจนและด้วยความเร็วปานกลาง ใช้ภาษาที่เรียบง่ายและหยุดเป็นระยะๆ เพื่อตรวจสอบความเข้าใจ จะช่วยให้ผู้ป่วยทำความเข้าใจได้มากขึ้น การใช้เครื่องช่วยฟังสามารถส่งผลกระทบอย่างมากได้เช่นกัน เนื่องจากเครื่องช่วยฟังจะขยายเสียงและปรับปรุงความชัดเจนของข้อมูลที่ได้ยิน นอกจากนี้ การฝึกสมองประมวลผลเสียงพูดอาจเป็นประโยชน์ เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญด้านการฝึกทักษะการฟังจะฝึกเพื่อปรับปรุงทั้งการรับรู้การพูดและการออกเสียงได้ การนำกลยุทธ์เหล่านี้ไปใช้ จะสามารถปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการสูญเสียการได้ยินจากโรคพาร์กินสันได้อย่างมีนัยสำคัญ
Neilson, L. E., Reavis, K. M., Wiedrick, J., & Scott, G. D. (2024). Hearing loss, incident Parkinson disease, and treatment with hearing aids. *JAMA Neurology*. Advance online publication.
https://doi.org/10.1001/jamaneurol.2024.3568
https://parkinsonsnewstoday.com/news/hearing-loss-big-risk-factor-developing-parkinsons-study/