Play Video about เครื่องช่วยฟังสำหรับผู้สูงอายุ

Noise Cancelling vs Hearing Aid: ต่างกันอย่างไร? และทำไมผู้สูงวัยควรรู้ก่อนเลือกซื้อ

HEARING AID

ข้อควรรู้ก่อนผู้สูงวัยเลือกใช้เครื่องมือ

เพื่อเพิ่มสมรรถภาพการได้ยิน

หูฟังตัดเสียงรบกวน (Noise Canceling) กลายเป็นอุปกรณ์ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เพราะช่วยให้ผู้ใช้ได้ยินเสียงชัดเจนขึ้นในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดัง เช่น บนรถไฟฟ้า เครื่องบิน หรือสถานที่ทำงานที่มีเสียงรบกวน อย่างไรก็ตาม ผู้สูงอายุจำนวนไม่น้อยกลับเข้าใจผิดว่าหูฟังตัดเสียงรบกวนสามารถใช้แทน เครื่องช่วยฟังได้ โดยคิดว่าเมื่อเสียงรอบข้างเงียบลง จะทำให้ได้ยินเสียงพูดชัดขึ้น

ความเข้าใจผิดนี้เกิดจากความคล้ายคลึงของชื่อและผลลัพธ์เบื้องต้น เพราะทั้งสองอุปกรณ์เกี่ยวข้องกับ “การจัดการเสียงเหมือนกัน แต่จริง ๆ แล้ว จุดประสงค์ของการทำงานต่างกันโดยสิ้นเชิง ทำให้ข้อควรรู้ก่อนการเลือกซื้ออุปกรณ์เป็นสิ่งจำเป็นในการประกอบการตัดสินใจ เพราะการเลือกใช้อุปกรณ์ผิดประเภทไม่ช่วยให้ได้ยินดีขึ้น แต่ยังอาจส่งผลต่อสมอง สุขภาพจิต และคุณภาพชีวิตในระยะยาวด้วย

ความแตกต่างของ Noise Cancelling vs Hearing Aid จาก Intimex

ประเด็นเปรียบเทียบ	Noise Canceling (ANC)	Hearing Aid (เครื่องช่วยฟัง)
วัตถุประสงค์	ลดเสียงรบกวนรอบข้างเพื่อให้โฟกัสกับเสียงหลัก เช่น เพลง หรือเสียงจากอุปกรณ์	ชดเชยการได้ยินที่ลดลง เพื่อให้ได้ยินเสียงพูดและเสียงรอบข้างชัดเจนตามระดับการได้ยินของแต่ละคน
หลักการทำงาน	ใช้ไมโครโฟนรับเสียงรอบตัว แล้วสร้างคลื่นเสียง “กลับเฟส” เพื่อลดเสียงรบกวน	ใช้ไมโครโฟนรับเสียง → ประมวลผลและขยายเสียงในย่านที่ได้ยินยาก → ส่งเข้าสู่หู
การปรับเฉพาะบุคคล	ปรับได้ในระดับทั่วไป เช่น ระดับการตัดเสียงหรือโหมดฟังรอบข้าง	ปรับเฉพาะบุคคลผ่านการตรวจวัดการได้ยิน (Audiogram) และตั้งค่าตามรูปแบบการสูญเสียการได้ยินของแต่ละราย
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม	ใช้ในที่ที่มีเสียงดัง เช่น เครื่องบิน รถไฟฟ้า หรือพื้นที่ทำงานแบบเปิดโล่ง	เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน เช่น สนทนาในบ้าน ร้านอาหาร หรือกิจกรรมกลางแจ้ง
ความปลอดภัยต่อเสียงรอบตัว	หากเปิดโหมดตัดเสียงเต็มรูปแบบ อาจไม่ได้ยินเสียงเตือนรอบตัว	มีโหมดฟังเสียงสภาพแวดล้อม เพื่อให้ยังรับรู้เสียงเตือนที่สำคัญ เช่น เสียงเรียกหรือเสียงรถ
การวัดและการปรับค่าเสียง	ไม่รองรับการวัดการได้ยินทางคลินิก	ต้องผ่านการตรวจการได้ยิน และปรับค่าด้วยเทคโนโลยีเฉพาะ
การจัดการเสียงรบกวน/เสียงหวีด	ไม่มีระบบเฉพาะทาง ปรับได้เพียงระดับเสียงทั่วไป	มีระบบควบคุมฟีดแบ็ก ป้องกันเสียงหวีด และจัดการเสียงรบกวนโดยไม่กลบเสียงพูด
ไมโครโฟนและการโฟกัสเสียงพูด	บางรุ่นมีไมค์ช่วยโฟกัสเสียงหน้า แต่ยังไม่ละเอียดเท่าระดับคลินิก	ใช้ไมโครโฟนหลายทิศทางเพื่อเน้นเสียงผู้พูดและลดเสียงรบกวนรอบข้างได้อย่างแม่นยำ
คุณสมบัติพิเศษ	มีโหมดฟังเสียงรอบข้างชั่วคราว (Transparency Mode)	มีโหมดเฉพาะ เช่น ปรับตามสภาพแวดล้อมอัตโนมัติ หรือช่วยลดเสียงรบกวนในที่แออัด
การบำรุงรักษา	ทำความสะอาดทั่วไปและเปลี่ยนจุกหูฟังตามการใช้งาน	ต้องดูแลจุดกรองเสียง ท่อส่งเสียง และตรวจสอบสภาพอุปกรณ์เป็นระยะโดยผู้เชี่ยวชาญ
ระยะเวลาการปรับตัว	ใช้งานได้ทันทีหลังเปิดเครื่อง	ต้องใช้เวลาฝึกให้สมองคุ้นชินกับเสียงใหม่ โดยเฉพาะในผู้ที่หูตึงมานาน
ผลกระทบต่อสุขภาพการได้ยิน	หากเปิดเสียงดังเพื่อชดเชย อาจทำลายเซลล์รับเสียงในหูชั้นใน	ออกแบบให้เพิ่มเสียงอย่างปลอดภัย โดยไม่เกินระดับที่เป็นอันตรายต่อประสาทหู
ราคาโดยประมาณ	ตั้งแต่หลักพันถึงหมื่นต้น ๆ แล้วแต่แบรนด์และรุ่น	เริ่มตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงหลายหมื่นบาท ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีและการปรับเฉพาะบุคคล
กลุ่มผู้ใช้ที่เหมาะสม	ผู้ที่มีการได้ยินปกติ ต้องการความเงียบเพื่อโฟกัส	ผู้ที่มีภาวะหูตึงตั้งแต่เล็กน้อยถึงปานกลาง ควรใช้ภายใต้คำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ
ข้อจำกัดสำคัญ	ตัดเสียงทุกอย่าง รวมถึงเสียงพูดบางส่วน อาจทำให้รู้สึกเงียบเกินไป	ต้องมีการตรวจและปรับค่าอย่างสม่ำเสมอ แต่ให้ผลการฟังที่แม่นยำและปลอดภัยกว่า

ผลเสียที่เกิดขึ้น เมื่อใช้หูฟังตัดเสียงรบกวนแทนเครื่องช่วยฟัง

ผู้สูงอายุจำนวนไม่น้อยเข้าใจผิดว่าหูฟังตัดเสียงรบกวน (Noise Canceling) สามารถช่วยให้ได้ยินดีขึ้นเหมือนเครื่องช่วยฟัง แต่ในความเป็นจริง อุปกรณ์ทั้งสองชนิดนี้มีจุดประสงค์ต่างกันโดยสิ้นเชิง และการเลือกผิดอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพการได้ยินและสมองในระยะยาวได้อย่างมาก

ความสามารถในการได้ยินลดลง

หูฟังตัดเสียงรบกวนจะลดเสียงรอบข้างทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเสียงรถ เสียงพูด หรือเสียงธรรมชาติ ผู้สูงอายุที่มีปัญหาการได้ยินอยู่แล้ว เมื่อใส่หูฟังประเภทนี้ สมองจะได้รับเสียงน้อยลงกว่าเดิม จึงยิ่งทำให้ความสามารถในการแยกแยะเสียงลดลงตามไปด้วย

สมองเสื่อมเร็วขึ้นจากการขาดเสียงกระตุ้น

เสียงที่ได้ยินในแต่ละวันเป็นสิ่งสำคัญต่อการทำงานของสมอง โดยเฉพาะสมองส่วนที่เกี่ยวกับความจำและการสื่อสาร เมื่อหูไม่ได้ส่งข้อมูลเสียงให้สมอง สมองส่วนนี้จะค่อย ๆ เสื่อมลง

งานวิจัยจากมหาวิทยาลัย Johns Hopkins ประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่า ผู้สูงอายุที่มีภาวะหูตึงแต่ไม่ได้ใช้เครื่องช่วยฟัง มีแนวโน้มเกิดภาวะสมองเสื่อมมากกว่าคนทั่วไปหลายเท่า หากใช้หูฟังตัดเสียงรบกวนแทนเครื่องช่วยฟัง สมองจะยิ่งขาดการกระตุ้น และอาจส่งผลให้ความจำสั้นลงหรือมีสมาธิลดลงในระยะยาว

ไม่สามารถเข้าใจบทสนทนา

หูฟังตัดเสียงรบกวน (Noise Canceling) ถูกออกแบบมาเพื่อลดเสียงรอบข้าง เช่น เสียงรถหรือเสียงลม แต่ไม่ได้ช่วยขยายเสียงพูดให้ชัดขึ้นตามระดับการได้ยินของแต่ละคน ส่งผลให้ผู้สูงอายุแยกคำไม่ได้ว่าอีกฝ่ายสื่อสารว่าอะไร เนื่องจากผู้สูงอายุที่เริ่มมีปัญหาการได้ยิน มักไม่ได้หูอื้อทั้งหมด แต่จะได้ยินไม่ครบถ้วน โดยเฉพาะเสียงบางช่วง เช่น เสียงพยัญชนะที่เบาและสั้นอย่าง /ส/ /ชน/ /ฟ/ /ท/ /ซ/ /ฉ/ ซึ่งเป็นเสียงสำคัญในการแยกคำพูดให้เข้าใจ แต่เครื่องช่วยฟัง ทำให้สามารถเข้าใจบทสนทนาได้ครบถ้วน และกลับมาสื่อสารกับคนรอบข้าง

เกิดความเครียดและรู้สึกโดดเดี่ยว

การฟังไม่รู้เรื่องในสถานการณ์สนทนา เช่น เวลาพูดคุยกับลูกหลานหรือในวงสนทนา ทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกว่าตนเองเป็นภาระต่อคนรอบข้าง หากความรู้สึกนี้สะสมไปเรื่อย ๆ จนเกิดความเครียด ไม่อยากพูด ไม่อยากพบปะใคร อาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าได้ในที่สุด

เสี่ยงต่อการทำลายประสาทหูถาวร

ผู้สูงอายุที่ใช้หูฟังแทนเครื่องช่วยฟัง มักเผลอเปิดเสียงดังขึ้นเพื่อให้ได้ยินชัด ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่อันตราย เพราะเสียงที่ดังเกิน 85 เดซิเบลต่อเนื่องเป็นเวลานาน สามารถทำลายเซลล์ประสาทรับเสียงในหูชั้นในได้อย่างถาวร และเซลล์เหล่านี้ไม่สามารถฟื้นตัวได้

เมื่อประสาทหูถูกทำลาย การได้ยินจะเสียหายอย่างถาวร และแม้ภายหลังจะเปลี่ยนมาใช้เครื่องช่วยฟัง ก็อาจไม่สามารถฟื้นฟูการได้ยินได้เต็มที่

Hearing Aid จาก Intimex เพื่อการได้ยินที่ชัดเจนในผู้สูงวัย

หูฟังตัดเสียงรบกวนเหมาะสำหรับผู้ที่มีการได้ยินปกติ และต้องการลดเสียงรบกวนชั่วคราวในชีวิตประจำวัน เช่น ระหว่างเดินทางหรือทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดัง แต่สำหรับผู้สูงอายุที่เริ่มมีภาวะหูตึง การเลือกใช้หูฟังประเภทนี้แทนเครื่องช่วยฟังไม่เพียงไม่ช่วยให้ได้ยินดีขึ้น สมองก็จะไม่ได้รับการกระตุ้นจากเสียงที่เพียงพอ ทำให้เทคโนโลยีดังกล่าวไม่เหมาะสมสำหรับผู้สูงวัยที่มีภาวะการได้ยินลดลง

เครื่องช่วยฟังจึงเป็นทางเลือกที่ถูกต้องและปลอดภัยกว่า เพราะทำหน้าที่ขยายเสียงพูดในย่านที่ผู้ฟังได้ยินยาก พร้อมปรับระดับเสียงให้สอดคล้องกับรูปแบบการได้ยินเฉพาะบุคคล ช่วยให้การสื่อสารในชีวิตประจำวันกลับมาชัดเจนขึ้นอีกครั้ง อีกทั้งยังช่วยลดความเครียดจากการฟังไม่รู้เรื่อง และชะลอการเสื่อมของสมองส่วนที่ทำหน้าที่ตีความเสียงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Intimex ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องช่วยฟัง เข้าใจดีว่าผู้สูงวัยแต่ละคนมีรูปแบบการได้ยินและการใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน เครื่องช่วยฟังจาก Intimex จึงถูกออกแบบให้ปรับแต่งได้อย่างละเอียด เพื่อให้เหมาะกับผู้ใช้งานจริงในแต่ละราย ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เงียบหรือมีเสียงรบกวนมากก็ตาม เทคโนโลยีกรองเสียงรบกวนขั้นสูงของ Intimex ช่วยให้ได้ยินเสียงสำคัญชัดเจน

อย่าปล่อยให้ความเข้าใจผิดว่าหูฟังตัดเสียงรบกวนสามารถใช้แทนเครื่องช่วยฟังได้
การเลือกใช้อุปกรณ์ที่ไม่เหมาะสมไม่เพียงแต่ทำให้ความสามารถในการได้ยินลดลง
แต่ยังอาจทำให้สมองขาดการกระตุ้นที่สำคัญต่อความจำและการสื่อสาร ส่งผลให้เกิดภาวะสมองเสื่อมเร็วขึ้น